วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เอกชนเสนอ ก.ไอซีที แก้ไข กม.คอมพิวเตอร์ที่เป็นอุปสรรคทางธุรกิจ


กรุงเทพฯ 23 ก.ค.- ภาคเอกชนระบุกฎหมายคอมพิวเตอร์เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจไอซีที เสนอกระทรวงไอซีทีออกกฎกระทรวงแก้ไขบางข้อ เพื่อลดต้นทุนผู้ประกอบการ พร้อมแก้ปัญหาถูกจับกุมจากการทำผิดโดยไม่ตั้งใจ ระบุมีคดีแล้ว 10 รายหลังกฎหมายประกาศใช้ 1 ปี
นายศรีศักดิ์ จามรมาน นายกสมาคมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์ กล่าวในงานสัมมนา “วัดปรอดสังคมไทยหลังบังคับใช้กฎหมายคอมพิวเตอร์” ว่า หลัง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มีผลบังคับใช้ได้ 1 ปีนับตั้งแต่ 18 กรกฎาคม 2550 พบว่า เป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจไอซีทีอย่างมาก จึงต้องระดมความเห็นพร้อมเสนอให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที ) แก้ไข โดยเฉพาะข้อกฎหมายที่กำหนดให้หน่วยงานต่าง ๆ ต้องมีระบบจัดเก็บข้อมูลการใช้บริการของลูกค้าไว้ 90 วัน ทำให้ธุรกิจซึ่งรวมถึงสถาบันการศึกษาที่เปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตต้องลงทุนเพิ่มอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับจัดเก็บข้อมูล จึงต้องลงทุนนับตั้งแต่ 1-10 ล้านบาท ถือเป็นภาระหนักที่ทำให้กิจการขนาดเล็ก โดยเฉพาะร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ อาจต้องปิดกิจการ เพราะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
นอกจากนี้ ความเข้มงวดของกฎหมายยังทำให้ผู้ประกอบการถูกจับกุมได้โดยง่ายจากความผิดที่ไม่ได้ทำหรือไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเกิดขึ้นกับสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งมาแล้ว จากกรณีที่นักเรียนนำภาพลามกอนาจารไปติดตั้งในเครือข่ายคอมพิวเตอร์แล้วแจ้งตำรวจให้จับกุม ถือเป็นความผิดทางอาญาไม่สามารถยอมความได้ จึงเสนอให้แก้ไข เพื่อผ่อนปรนกฎเกณฑ์ดังกล่าวให้แก่บางหน่วยงาน อาทิ สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ และห้างร้านที่ไม่มีเจตนากระทำผิด อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้มีคดีความตามความผิดของกฎหมายใหม่นี้แล้ว 10 คดี ที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามกฎหมาย ด้านนายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที กล่าวว่า กระทรวงไอซีทียินดีที่ประกาศกฎกระทรวงเพื่อผ่อนคลายความเข้มงวดของกฎหมายบางมาตรการ โดยเฉพาะการทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสติดคุกได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินผลจากการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวได้ในขณะนี้ จึงต้องรออีกราว 4-5 เดือนน่าจะเห็นผลในทางปฏิบัติ


.-สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-23 19:49:54
นิสิตจุฬาฯ คว้าแชมป์โลกโรโบคัพ 2008 โค่นแชมป์เก่าสหรัฐ


กรุงเทพฯ 23 ก.ค.-นิสิตจุฬาฯ คว้าแชมป์โลกการแข่งขันโรโบคัพ หุ่นยนต์เตะฟุตบอล เอาชนะแชมป์เก่าทีมสหรัฐ มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน พร้อมรับเข้าเรียนต่อทันที
ตัวแทนนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 16 คน ภายใต้ชื่อทีม “Plasma Z” คว้าแชมป์โลกหุ่นยนต์เตะฟุตบอล ในการแข่งขันโรโบคัพ 2008 ที่เมืองซูโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยคณะนิสิตทั้งหมดเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยเวลา 02.00 น. เช้าวันนี้ (23 ก.ค.) พร้อมให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทยว่า การแข่งขันครั้งนี้ทีมไทยสามารถโค่นแชมป์โลก อย่างทีม CM Dragon ของมหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน (Carnegie Mellon University) ประเทศสหรัฐ ที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี
นายธีระพล วัธนเวคิน นิสิตวิศวกรรมปี 4 หัวหน้าทีม กล่าวว่า ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ทีม Plasma Z ผลัดกันทำประตูกับทีม CM Dragon แต่สุดท้ายไทยก็สามารถทำประตูชนะไปด้วยคะแนน 4 ประตูต่อ 2 ทำให้ไทยได้เป็นแชมป์โลกในปีนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย หลังจากไทยเริ่มเข้าแข่งขันโรโบคัพมา 5 ปี โดยหลังจากที่คว้าชัยชนะแล้ว ประธานการแข่งขันโรโบคัพ และเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน ได้เสนอให้ทุกคนในทีม Plasma Z เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน ได้ทันที แต่ตนเองคิดว่าได้เรียนที่จุฬาฯ ก็เป็นที่สุดของประเทศไทยแล้ว
ด้าน ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ นายกสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทย กล่าวว่า ปีนี้นับเป็นปีที่หุ่นยนต์เตะฟุตบอลของไทยก้าวล้ำนำหน้ามากที่สุด และยังแซงหน้าประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเคยนำหน้าไทยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา สังเกตได้จากการแข่งขันโรโบคัพรอบสุดท้ายจะเหลือเพียงทีมจากประเทศไทย จีน และสหรัฐ โดยมีทีมไทยถึง 2 ทีมด้วยกัน


. -สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-23 15:07:31
เยาวชนตัวแทนแข่งหุ่นยนต์ที่อินเดียหวังคว้าแชมป์ระดับนานาชาติตามรุ่นพี่

กรุงเทพฯ 22 ก.ค.-ทีมเยาวชน PEM 2008 จากวิทยาลัยเทคนิคสกลนคร เข้าพบนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก่อนเดินทางไปแข่งขัน “ABU เอเชีย-แปซิฟิก โรบอต คอนเทสต์ ครั้งที่ 7” ที่เมืองปูเน่ ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติของนักศึกษาในประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก มีประเทศในภูมิภาคจำนวน 19 แห่ง ส่งทีมหุ่นยนต์เข้าร่วมแข่งขัน โดยนายสมชาย ได้มอบเงินทุนสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและปรับแต่งหุ่นยนต์จำนวน 500,000 บาท และกล่าวว่า ขอให้มีการสนับสนุนการพัฒนาประดิษฐ์หุ่นยนต์อย่างจริงจัง ในอดีตการผลิตหุ่นยนต์อาจเป็นเพียงของเล่นนำมาโชว์ แต่ปัจจุบันหุ่นยนต์มีความสำคัญทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เช่น การใช้หุ่นยนต์ในวงการอุตสาหกรรม ใช้ดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น การที่เด็กไทยมีโอกาสในวันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของอนาคตไทย ขอให้มีความตั้งใจทำให้เต็มที่ในการแข่งขัน สำหรับทีม PEM 2008 จะเดินทางไปอินเดียในวันที่ 29 สิงหาคม เพื่อร่วมแข่งขันในวันที่ 31 สิงหาคม และ 1 กันยายนนี้ โดยการแข่งขันปีนี้ ประเทศอินเดียได้ใช้ชื่อการแข่งขันว่า “เหินฟ้าท้าพิชิต” หรือ “Touch the Sky” ซึ่งทีมของไทยได้เตรียมหุ่นยนต์อัตโนมัติ 3 ตัวมีเทคนิคพิเศษที่ต่อตัวกันได้ เพื่อเพิ่มความสูงในการหยิบเนยแข็งทำคะแนน และหุ่นยนต์แต่ละตัวยังสามารถแก้เกมและทำงานทดแทนกันได้
อย่างไรก็ดี ถึงแม้อุปกรณ์ที่ประกอบเป็นตัวหุ่นยนต์เป็นอุปกรณ์ที่ผลิตในประเทศหาซื้อได้ย่านบ้านหม้อ ทีมเยาวชนผู้ประดิษฐ์หวังว่าหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นน่าจะมีโอกาสคว้าแชมป์ระดับนานาชาติได้ตามรอยทีมนายฮ้อยทมิฬ ซึ่งเป็นแชมป์ในการแข่งขันครั้งที่ 2 และเป็นทีมอาชีวศึกษารุ่นพี่ที่เคยสร้างชื่อให้กับประเทศมาแล้ว


.-สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-22 19:33:26
เม้าส์คอมพิวเตอร์อาจถูกเลิกใช้ในอีก 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า



ลอนดอน 18 กค.- เม้าส์คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์มานานเกือบ 40 ปี แต่ล่าสุด บริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ คาดว่า เม้าส์คอมพิวเตอร์อาจถูกเลิกใช้ในอีก 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาวิธีสั่งการเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างหลากหลายมากขึ้น อาจใช้วิธีจิ้มนิ้วไปที่หน้าจอ หรือ ใช้วิธีจดจำใบหน้าผู้ใช้งาน
นักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ มองว่า เม้าส์คอมพิวเตอร์อาจใช้ได้ดีกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ แต่ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์เพื่อให้ความบันเทิงในบ้าน หรือคอมพิวเตอร์แบบพกพา การกดปุ่มคำสั่งโดยใช้วิธีลากเม้าส์จะหมดความหมายไปในทันที
หลายบริษัทกำลังปรับปรุงรูปแบบการใช้คอมพิวเตอร์ โดยไม่ต้องมีสายเม้าส์มาคอยควบคุมให้ยุ่งยาก เช่น บริษัทไมโครซอฟท์ ที่พัฒนาคอมพิวเตอร์แบบจอสัมผัส หรือ ทัช สกรีน เพียงแค่ใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าจอ ก็สามารถควบคุมการใช้งานของเครื่องได้แล้ว คอมพิวเตอร์บางเครื่อง แค่ให้ผู้ใช้งานครอบอุปกรณ์บางอย่างบนศีรษะ แล้วใช้วิธีสั่งเครื่องโดยการคิด อุปกรณ์ชุดนี้จะหาซื้อได้ในเดือนกันยายน นอกจากเม้าส์คอมพิวเตอร์แล้ว อุปกรณ์รีโมทคอนโทรล ก็มีแนวโน้มจะใช้งานน้อยลงเช่นกัน เพราะล่าสุด พานาโซนิก ได้พัฒนาโทรทัศน์ให้จดจำใบหน้าของผู้ใช้งานเอาไว้ เมื่อต้องการเปิดโทรทัศน์ ก็แค่ไปยืนหน้าจอ จากนั้น จะมีเมนูช่องต่างๆ ผุดขึ้นมาให้เลือก ผู้ใช้งานเพียงแค่ขยับมือ โทรทัศน์ก็จะเปลี่ยนช่องให้ตามที่เลือกไว้ ส่วนโซนี่ และแคนนอน ก็กำลังพัฒนากล้องถ่ายภาพเคลื่อนไหว และกล้องถ่ายรูป ให้ใช้วิธีจดจำใบหน้าผู้คนให้ได้เช่นกัน บางรุ่นตั้งโปรแกรมจะถ่ายภาพเฉพาะคนยิ้มเท่านั้น ถ้าไปเจอคนกำลังยิ้ม กล้องก็จะถ่ายภาพเองโดยอัตโนมัติ



.-สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-18 15:08:32
นาซาเชื่อจีนจะส่งมนุษย์ไปสำรวจดวงจันทร์ได้ในปี 2563


บีบีซี นิวส์ 16 ก.ค.-ผู้อำนวยการองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (นาซา) เชื่อว่าจีนจะสามารถส่งมนุษย์ขึ้นไปบนดวงจันทร์ได้ในปี 2563 เหมือนกับที่นาซามีแผนส่งยานอวกาศโอเรียนท์พร้อมมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์อีกครั้งหนึ่งในปีเดียวกัน
ดร.ไมเคิล กริฟฟิน ผู้อำนวยการนาซา กล่าวระหว่างเยือนกรุงลอนดอนว่ามีความเป็นไปได้ที่จีนจะส่งมนุษย์ลงบนดวงจันทร์ก่อนสหรัฐ เพราะในทางเทคนิคจีนสามารถทำได้ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่จีนกล่าวว่าจีนยังไม่มีแผนหรือกำหนดวันเวลาแน่ชัดที่จะนำมนุษย์ลงบนดวงจันทร์ และได้แสดงความสงสัยต่อตัวเลขที่ตั้งไว้ในปี 2563
ผู้อำนวยการนาซายอมรับว่าช่องว่างทางด้านอุตสาหกรรมอวกาศระหว่างสหรัฐกับชาติอื่น ๆ กำลังลดลง หลังจากสหรัฐครองความเป็นเจ้ามานาน ทั้งนี้มีรายงานว่าหลาย ๆ ประเทศมีความสามารถด้านอวกาศสูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ เช่น จีนสามารถส่งมนุษย์ขึ้นไปในอวกาศได้ 2 ครั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และจะมีครั้งที่ 3 ในเดือนตุลาคมนี้
ผู้อำนวยการนาซาเชื่อว่าความร่วมมือด้านอวกาศระหว่างสหรัฐกับจีนจะเป็นผลดี เหมือนกับสหรัฐเคยร่วมมือกับสหภาพโซเวียตในปี 2518 แม้เป็นช่วงที่สงครามเย็นเขม็งเกลียวถึงขีดสุด ส่วนโครงการอวกาศของอินเดียแม้เล็กกว่าจีน แต่ก็เติบโตเร็วมาก โดยมีรายงานว่าอินเดียจะส่งยานอวกาศไร้นักบินไปลงบนดวงจันทร์ในปลายปีนี้ และมีแผนจะส่งมนุษย์ในอนาคต
ดร.กริฟฟิน กล่าวถึงยานอวกาศรุ่นใหม่ที่จะนำมาทดแทนยานกระสวยอวกาศที่จะปลดประจำการในปี 2553 ว่า ยานอวกาศโอเรียนท์และจรวดอเรส จะยังไม่พร้อมใช้งานจนกว่าจะถึงเดือนมีนาคม 2558 ทำให้นาซาจะไม่มีใช้งานยานอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาตินานถึง 5 ปี แต่อาจจะลดลงมาเหลือ 3 ปี ถ้ารัฐบาลสนับสนุนงบประมาณพิเศษ 2,000 ล้านดอลลาร์


.-สำนักข่าวไทยอัพเดตเมื่อ 2008-07-16 16:21:45

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ตอบคำถามท้ายบทที่1 วิทยาการคอมฯ BSRU D1


ประเภทของคอมพิวเตอร์

• ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)

• เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe)

• มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)

•เวิร์คเตชัน (Workstation)

• ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)
• พีดีเอ (PDA – Personal Digital Assistant)
• คอมพิวเตอร์แบบฝัง (Embedded computers)
ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer)
• เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง มีความสามารถในการประมวลผลสูงมาก
• เหมาะกับงานที่มีความซับซ้อนสูงมาก เช่น งานอุตสาหกรรมน้ำมัน การคำนวณเพื่อพยากรณ์อากาศ เป็นต้น
• ราคาแพงมาก ต้องติดตั้งในที่ ๆ มีการปรับอุณหภูมิ ปราศจากฝุ่นละออง• ประสิทธิภาพการทำงาน จะวัดเป็น กิกะฟลอป (Gigaflop) – การคำนวณหนึ่งพันล้านครั้งของการคำนวณตัวเลขระดับทศนิยมต่อหนึ่งวินาที
• ตัวอย่าง ของคอมพิวเตอร์แบบนี้ คือ CRAY-2 CRAY-T90

เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe)

• เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่และประสิทธิภาพรองลงมา และเป็นที่นิยมตามองค์กรขนาดใหญ่ มีราคาแพงรองลงมา นิยมนำมาใช้ในงานที่มีการรับและแสดงผลข้อมูลจำนวนมาก โดยมากจะถูกนำไปใช้ในหน่วยงานประเภทที่ให้บริการแก่คนจำนวนมาก เช่น ธนาคาร มหาวิทยาลัย เป็นต้น• ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจะวัดเป็น เมกะฟลอป (Megaflop) หรือการคำนวณหนึ่งล้านครั้งของการคำนวณตัวเลขระดับทศนิยมต่อหนึ่งวินาทีเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe) ต่อ

• โดยทั่วไปแล้วระบบการทำงานของเครื่องประกอบด้วยคอมพิวเตอร์ย่อย ๆ เพื่อช่วยในการทำงานแก่เครื่องหลักได้แก่

– เครื่องโฮส (Host processor) เป็นเครื่องหลักที่มีหน้าที่ควบคุมหน่วยประมวลผล อุปกรณ์รอบข้างและการคำนวณต่าง ๆ
– เครื่องส่วนหน้า (Front-end processor) มีหน้าที่ควบคุมการติดต่อระหว่างหน้าจอของ ผู้ใช้งาน ที่เรียกว่าจอเทอร์มินัลระยะไกล (Remote terminal) กับระบบ เครื่องโฮส

มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)

• คล้ายกับเครื่องเมนเฟรมแต่ขนาดเล็กกว่า ราคาถูกกว่า

• ความเร็วในการประมวลผลช้ากว่า สื่อการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ความจุน้อยกว่าเมนเฟรม• ใช้งานได้พร้อมๆกันหลายคน -เครื่องปลายทางต่อเชื่อมได้

• ประมวลผลในของหน่วยงานขนาดกลาง

– งานควบคุมผลผลิต

– งานบัญชีและการเงิน

– งานออกแบบทางวิศวกรรม





เวิร์คเตชัน (Workstation)

• เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบชนิดใช้คนเดียว จะถูกควบคุมโดยผู้ใช้โดยตรง โดยไม่ต้องไปแย่งเวลา โพรเซสเซอร์ กับคนอื่นสามารถใช้ควบคุมอุปกรณ์รอบข้างอื่น ๆ ได้ เป็นคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ• ส่วนมากใช้ในงานเกี่ยวกับ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม อาจมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ซูเปอร์ไมโคร (Super micro)

• ตัวอย่างคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ คือ Sun Workstation


ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)

• มีขนาดเล็ก ราคาถูก เป็นที่นิยมง่าย

• เหมาะสำหรับใช้งานเฉพาะบุคคล งานด้านการจัดการทั่วไป เช่นการพิมพ์ การเก็บข้อมูลขนาดเล็ก

• เชื่อมต่อในเครือข่ายได้


Microcomputer (Laptop)


พีดีเอ (PDA – Personal Digital Assistant)

• มีขนาดเล็กมาก สามารถวางบนฝ่ามือได้ และอาจจะใช้ปากกาที่เรียกว่า สไตล์ลัส (Sytylus) เพื่อเขียนข้อความบนจอภาพเพื่อป้อนข้อมูลเข้าเครื่อง

• ความสามารถเกือบเทียบเท่า PC

• ต่อ internet ได้ เล่นเพลงได้ หรือแม้แต่ใช้เป็นโทรศัพท์ไร้สายได้ด้วย

• ตัวอย่าง ได้แก่ PalmVX, Handspring(Visor),PoketPC(HP)



คอมพิวเตอร์แบบฝัง (Embedded computers)

• เป็นคอมพิวเตอร์ที่ถูกฝังไว้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้มองไม่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอกว่าเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ นิยมใช้ในการทำงานเฉพาะด้าน เพื่อควบคุมการทำงานบางอย่าง

• เช่น เตาอบไมโครเวฟ นาฬิกาข้อมือบางประเภท มือถือ เป็นต้น



ข้อมูลและสารสนเทศ (Data / Information) ข้อมูล (Data)

ในระบบคอมพิวเตอร์ หมายถึงสิ่งที่เป็นตัวเลข ข้อความ รูปภาพ เสียง เกี่ยวกับคน สัตว์ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งหมดนี้จะมีจำนวนมากอาจอยู่ในรูปของตัวเลข ตัวอักษร กราฟฟิก สิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้รับการประมวลผลใดๆ จึงเป็น ข้อมูลที่ต้องการได้รับการประมวลผลเพื่อทราบผลลัพธ์ หรือต้องการจัดเก็บให้เป็นระบบระเรียบเพื่อใช้งานต่อไปสารสนเทศ (Information) คือ ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้ว โดยขั้นตอนในการประมวลคือมีการรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลว่าข้อมูลนั้นจริงเท็จอย่างไร แล้วนำไปดำเนินการประมวลผลโดย ใช้วิการจัดแบ่งข้อมุล แบ่งเป็นกลุ่มๆตามประเภทและจัดเรียงข้อมูลเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานและ สุดท้ายการคำนวณข้อมูล ซึ่งข้อมุลบางตัวนั้นอาจจะเป็นข้อมูลที่เป็นตัวเลขจึงจะต้องมีการคำนวณเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สะดวกต่อการใช้งานและเป็นข้อมุลสุดท้ายที่ได้มานั้นดีที่สุด และหลังจากการประมวลผลแล้วนั้นเราก็ต้องจัดเก็บข้อมูล โดยอาจจะใช้การจัดเก็บลงเครื่องหรือสื่อบันทึกต่างๆ เพื่อจะได้ง่ายต่อการเรียกใช้งาน อีกด้วยดังนั้นจึงสรุปได้ว่า "ข้อมูล" คือ ข่าวสาร ข้อความรูปภาพ เสียง หรืออะไรต่างๆ ที่อยู่ในหลายๆ รูปแบบ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้ผ่านการประมวลผล หรือจัดกลุ่ม เรียบเรียงอะไรทั้งสิ้น ยังไม่สามารถที่จะนำไปใช้งานได้ จะแตกต่างกับ "สารสนเทศ" นั้นคือ สารสนเทศ เป็นข้อมูลที่ได้รับการกลั่นกรอง หรือประมวลผลในรูปแบบหรือกรรมวิธีต่างๆแล้ว เป็นข้อมูลที่สะดวกต่อการใช้งาน ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่ดีที่สุด สามารถนำมาอ้างอึง ใช้งานได้เลย

อ้างอิง คัดลอก และตัดต่อบทความมาจาก

http://board.dserver.org/k/kitty2001/00000023.html

มีความสัมพันธ์กัน (relevant)สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมีความทันสมัย (timely)ต้องมีความทันสมัยและพร้อมที่จะใช้งานได้ทันทีเมื่อต้องการมีความถูกต้องแม่นยำ (accurate)เมื่อป้อนข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์และผลลัพธ์ที่ได้จะต้อง ถูกต้องในทุกส่วนมีความกระชับรัดกุม (concise)ข้อมูลจะต้องถูกย่นให้มีความยาวที่พอเหมาะมีความสมบูรณ์ในตัวเอง (complete)ต้องรวบรวมข้อมูลที่สำคัญไว้อย่างครบถ้วน



VLSI คือ

วีแอลเอสไอ <คำอ่าน>ย่อมาจาก very large scale integration (แปลว่า วงจรรวมความจุสูงมาก) คือชิป (chip) ที่สามารถนำประตู (gate) มารวมกันได้ถึง 100,000 ประตูหรือมากกว่านั้น แล้วนำมาใช้เป็นตัวประมวลผล ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงได้มากมีความสำคัญต่อคอมพิวเตอร์ คือ เป็นตัวเดียวเก็บหน่วยควบคุมและหน่วยคำนวณ/ตรรกะ (Control Unit and Arithmetics/Logical Unit) ซึ่งเป็นหน่วยย่อยของหน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) ในเครื่องคอมพิวเตอร์


ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงาน

1.ใช้Adobe Photoshopในการฝึกตกแต่งรูปทั่วๆไป

2.ใช้SWiSHmaxในการฝึกสร้างภาพเคลื่อนไหว

3.ฝึกการใช้ VB2005 เพื่อสร้างโปรแกรมขึ้นใช้เองตามความสามารถของตน

4.ใช้ทำงานทั่วๆไป เช่น พิมพ์งาน(Microsoft Office) ฟังเพลง (Win amp)ดูหนัง(Cyber Link Power Cinema) และอื่นๆทั่วๆไป

5.และรับคอมพิวเตอร์มาซ่อมในห้องเช่า



เอกสารอ้างอิง

• จรัสศรี รุ่งรัตนาอุบล (2548). คอมพิวเตอร์สารสนเทศขั้นพื้นฐาน (เอกสารประกอบการสอน). มหาวิทยาลัยนเรศวร

• ประศาสตร์ บุญสนอง (2544). ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์. (พิมพ์ครั้งที่ 4.) พิษณุโลก : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยนเรศวร.

• Larry Long, Nancy Long (1997). Introduction to Computers and Information Systems. (5th ed.). Upper Saddle River, N.J. : Prentice-Hall International

ขอขอบคุณ http://www.google.co.th/ ในการสืบค้นข้อมูล

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551

วิวโซนิคส่งแอลซีดีและโปรเจ็คเตอร์ใหม่บุกตลาดไทย


วิวโซนิค คอร์ปอเรชั่น ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการแสดงผลภาพและผู้เชี่ยวชาญด้านจอมอนิเตอร์อันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา ประกาศรุกตลาดเมืองไทยอย่างเข้มข้นเพื่อตอกย้ำชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีแสดงผลภาพอันยาวนาน ในวันนี้ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์จอแอลซีดีและเครื่องฉายโปรเจ็คเตอร์รุ่นใหม่ นวัตกรรมชิ้นล่าสุดที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีการแสดงผลภาพที่สมบูรณ์แบบและสมรรถนะแห่งการถ่ายทอดสีสันที่ถูกต้องแม่นยำ เข้ากับการออกแบบที่ล้ำหน้า จนกลายมาเป็นจอภาพแอลซีดี LED และโปรเจ็คเตอร์คุณภาพสูง
สินค้าใหม่ นำโดย จอแอลซีดีตระกูล VP50 ซีรี่ส์ ได้แก่ VP2250wb จอไวด์สกรีนขนาด 22 นิ้ว / VP2650wb จอไวด์สกรีนขนาด 26 นิ้ว และรุ่นคลาสสิกขนาด 19 นิ้ว ชื่อรุ่น VP950b ซึ่งทุกรุ่นมาพร้อมคุณสมบัติในการถ่ายทอดสีสันคุณภาพสูง พร้อมโปรแกรมปรับและควบคุมภาพ PerfectSuite Plus จึงให้ภาพเนียนและคมชัดสูงเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับมาตรฐานจอในตลาด ณ ปัจจุบัน นอกจากนี้ วิวโซนิคยัง เปิดตัวจอ LED มอนิเตอร์ สำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปรุ่นใหม่ VLED221wm โดดเด่นด้วยอัตราไดนามิก คอนทราสต์ เรโช ระดับ 12000:1 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตัวแรกของโลกเมื่อเทียบกับมาตรฐานจอภาพแอลซีดีในปัจจุบัน
เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการแสดงผลภาพและตอบสนองทุกความต้องการของผู้บริโภค วันนี้ วิวโซนิคได้เปิดตัวเปิดตัวดีแอลพี โปรเจ็คเตอร์ใหม่ ได้แก่ รุ่น PJ551D และ รุ่น PJ560D ดีไซน์เพื่อสนองการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนองาน เพื่อความบันเทิงภายในบ้าน ใช้สำหรับการเรียนการสอน การประชุม หรือการใช้งานนอกสถานที่ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี BrilliantColor™ จากเท็กซัส อินสตรูเมนส์ เพิ่มสมรรถนะการแสดงผลภาพที่ดีเยี่ยมที่สุดของวงการ พร้อมเทคโนโลยีล้ำหน้าของวิวโซนิค ViewMatch™ โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่งความเข้มของสีแต่ละสีแยกจากกัน เพื่อให้เหมาะกับการแสดงผลของจอภาพและสิ่งพิมพ์ ทั้งช่วยให้สมรรถนะการถ่ายทอดสีสันมีความสมบูรณ์และสมจริง
นายเดนนี่ ออง ผู้จัดการประจำประเทศสิงคโปร์ บริษัท วิวโซนิค สิงคโปร์ พีทีอี จำกัด กล่าวว่า “ด้วยชื่อเสียงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแสดงผลภาพตั้งโต๊ะที่มีมานาน ทำให้แบรนด์วิวโซนิคเป็นที่ยอมรับของวงการทั้งด้านนวัตกรรมและสมรรถนะที่ดีเยี่ยม เทคโนโลยีของวิวโซนิคมักเหนือความคาดหมายของผู้บริโภคที่มีวิสัยทัศน์ รวมทั้งผู้ใช้งานมืออาชีพที่ต้องการเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานในชีวิตจริงได้เหมาะเจาะ ให้สีสันที่คมชัดถูกต้องแม่นยำและมีอัตราคอนทราสต์ระดับสูง เพื่อการแสดงผลภาพที่ดีเยี่ยม”
ทั้งนี้ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม วิวโซนิคได้นำเสนอสินค้าใหม่ ดังนี้
ผลิตภัณฑ์จอแสดงผลสำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป
VLED221wm จอ LED มอนิเตอร์สำหรับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป หน้าจอ 22 นิ้ว โดดเด่นด้วยไดนามิก คอนทราสต์ เรโช ระดับ 12000:1 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตัวแรกของโลกเมื่อเทียบกับมาตรฐานจอภาพแอลซีดีในปัจจุบัน ถ่ายทอดสีสันคุณภาพสูงด้วยเทคโนโลยี OptiColor™ เพื่อให้การถ่ายทอดสีสันครอบคลุมทุกขอบเขตสีได้มากถึง 118 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจอม CRT และ LCD ส่วนใหญ่ที่วางจำหน่ายในปัจจุบันสามารถแสดงขอบเขตสีของระบบ NTSC ได้ครอบคลุมเพียง 70 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น VLED221wm นับเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแอพลิเคชั่นด้านงานออกแบบขั้นสูง หรือแม้แต่ระบบการพิมพ์ที่ทำงานบนคอมพิวเตอร์เป็นหลัก รวมทั้งแอพลิเคชั่นสำหรับภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ซึ่งต้องใช้สมรรถนะในการถ่ายทอดสีระดับสูงสุด VLED221wm โดดเด่นอย่างมีสไตล์ ความละเอียดภาพแบบเนทีฟ เรโซลูชั่นที่ระดับ 1680x1050 อัตราการตอบสนองภาพ 5 มิลลิวินาที ไดนามิก คอนทราสต์ เรโช ระดับ 12000:1 (typ) ซึ่งถือว่าสูงที่สุดตัวแรกของโลกเมื่อเทียบกับมาตรฐานจอภาพแอลซีดีในปัจจุบัน สุดยอดจอแอลซีดีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการถ่ายทอดภาพวิดีโอระดับไฮเดฟินิชั่น
จอแอลซีดี VP 50 Series มาพร้อมเทคโนโลยี OptiColorTM ที่สามารถถ่ายทอดสีสันได้ครอบคลุมขอบเขตสีของระบบ NTSC เพื่อภาพที่เที่ยงตรงและมีรายละเอียดสูงกว่าในทุกสภาวะการรับชม จอแสดงผลในซีรี่ย์นี้ให้ไดนามิกคอนทราสต์เรโช (typ) ที่สูงถึง 3000:1 พร้อมด้วยระดับการไล่โทน (tonal range) และขอบเขตสีที่กว้างมากที่สุด นับเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับมืออาชีพด้านการสร้างสรรค์ผลงานและธุรกิจต่างๆ อัตราการตอบสนองภาพ 2 มิลลิวินาที
ผลิตภัณฑ์โปรเจ็กเตอร์
ดีแอลพี โปรเจ็กเตอร์ราคาประหยัด รุ่น PJ551D และ รุ่น PJ560D ดีไซน์เพื่อสนองการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนองาน เพื่อความบันเทิงภายในบ้าน ใช้สำหรับการเรียนการสอน การประชุม หรือการใช้งานนอกสถานที่ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี BrilliantColor™ จากเท็กซัส อินสตรูเมนส์ เพิ่มสมรรถนะการแสดงผลภาพที่ดีเยี่ยมที่สุดของวงการ เทคโนโลยี BrilliantColor™ ช่วยให้ภาพที่ถ่ายทอดออกมามีคุณภาพเยี่ยม สีสันสวยงาม และ แสดงขอบเขตของสีได้กว้างขึ้น ทำให้การนำเสนองานมีชีวิตชีวาและให้ภาพสว่างคมชัด และเทคโนโลยี ViewMatch ช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งความเข้มของสีแต่ละสีแยกจากกัน เพื่อให้เหมาะกับการแสดงผลของจอภาพและสิ่งพิมพ์ ทั้งช่วยให้สมรรถนะการถ่ายทอดสีสันมีความสมบูรณ์และสมจริง อัตราคอนทราสต์ระดับ 2000:1 พร้อมเทคโนโลยีล้ำหน้าของหลอดไฟ เพิ่มประสิทธิภาพของตัวหลอดได้สูงกว่าปกติถึง 15% และช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานกว่าเดิม
“สินค้าใหม่ที่เปิดตัววันนี้ ทั้งจอแอลซีดีและโปรเจ็คเตอร์แสดงให้เห็นว่าวิวโซนิคไม่เคยหยุดนิ่งที่จะย้ำความเป็นผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์แสดงผลภาพสำหรับเครื่องเดสก์ท็อป และยังคงมุ่งมั่นนำเสนอเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบเพื่อให้สอดรับกับความคาดหวังของผู้บริโภค ด้วยดีไซน์ใหม่พร้อมฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้น เชื่อว่าวิวโซนิคจะสามารถรักษาชื่อเสียงความเป็นผู้นำด้านการแสดงผลภาพได้ต่อไป” จัดการประจำประเทศสิงคโปร์ของวิวโซนิคกล่าวปิดท้าย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของวิวโซนิคสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ http://ap.viewsonic.com/th/ หรือติดต่อตัวแทนประชาสัมพันธ์ของวิวโซนิคในเมืองไทย โทร. 02-158-9107-8